วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ภูมิเศรษฐศาสตร์

ความรู้เบื้องต้นและสาระสำคัญของภูมิศาสตร์
วิชาภูมิเศรษฐศาสตร์ เป็นวิชาที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับวิถีการดำเนินชีวิตของมนุษย์ ได้แก่ สิ่งแวดล้อมทางกายภาพซึ่งประกอบด้วย ภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ดิน น้ำ พืชตามธรรมชาติและมนุษย์สร้างขึ้น ก่อให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจขึ้น จนเป็นตัวกำหนดความก้าวหน้า การพัฒนาคุณภาพชีวิตของมนุษย์และประเทศในสังคมโลก

ความหมายและสาระสำคัญของวิชาภูมิศาสตร์
วิชาภูมิศาสตร์ ( Geography ) หมายถึงวิชาที่ว่าด้วยการศึกษาเกี่ยวกับมิติสัมพันธ์ที่มีผลต่อมนุษย์
มิติสัมพันธ์ คือความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งแวดล้อมกับภูมิประเทศและมนุษย์
ลักษณะของวิชาภูมิศาสตร์ที่แตกต่างจากเศรษฐศาสตร์ คือเป็นได้ทั้งวิทยาศาสตร์และสังคมศาสตร์ ในปัจจุบันวิชาภูมิศาสตร์ หมายถึง วิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ ได้แก่ ภูมิประเทศ ภูมิอากาศ พืชพรรณธรรมชาติ ดิน น้ำและแร่ธาตุ ต่าง ๆ
ความสำคัญของภูมิศาสตร์ ช่วยให้เราได้เรียนรู้และเข้าใจสภาพแวดล้อมที่อยู่รอบตัวเราและนำความรู้ไปปรับปรุงแก้ไขและวางแนวทางในการดำเนินชีวิตได้อย่างเหมาะสม
ความหมายของวิชาเศรษฐศาสตร์ ( Economic ) คือ วิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับการแสวงหาแนวทางในการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์ให้ได้มากที่สุด

ความหมายและความสำคัญของวิชาภูมิเศรษฐศาสตร์
ภูมิเศรษฐศาสตร์ ( Economic Geography ) เป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับที่ตั้งของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศ และของโลก ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยทางด้านภูมิศาสตร์กับที่ตั้งของกิจการผลิตนั้น ๆ การศึกษาวิชาภูมิเศรษฐศาสตร์ ทำให้รู้ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจมีอะไรบ้าง เกิดขึ้นเมื่อใดที่ไหน และทำไมจึงต้องมีกิจกรรมนั้น ๆ

ประโยชน์ของการศึกษาวิชาภูมิเศรษฐศาสตร์
รู้จักใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างจำกัดในการบริโภคและใช้ในทางที่ก่อให้เกิดประโยชน์หรือความพอใจสูงสุดแก่ตน ช่วยให้เกิดสำนึกถึงคุณค่าของทรัพยากรว่าควรใช้ให้เกิดประโยชน์หรืให้มีผลตอบแทนสูงสุด
ช่วยในการคาดคะเนในความต้องวัตถุดิบและปัจจัยการผลิต ทำให้การดำเนินการผลิตได้ถูกต้องตรงตามความต้องการของผู้บริโภค
สามารถประมาณค่าใช้จ่าย และกำหนดแผนบริโภคและการออมได้อย่างเหมาะสม
สามารถเข้าใจปัญหาต่าง ๆ ทางเศรษฐกิจได้
เข้าใจสภาพปัญหาท้องถิ่น และที่ตั้งของภูมิประเทศ ภูมิอากาศที่ตนเองอาศัยอยู่และสามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในท้องถิ่นได้
จัดลำดับความสำคัญของโครงการต่าง ๆ ตามความจำเป็นและความต้องการของประชาชนและประเทศชาติได้
สามารถวางนโยบายทางเศรษฐกิจ เพื่อการพัฒนาประเทศชาติได้
ความสัมพันธ์ระหว่างวิชาเศรษฐศาสตร์กับวิชาภูมิเศรษฐศาสตร์
วิชาเศรษฐศาสตร์มุ่งเน้นการศึกษาด้านกระบวนการของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
วิชาภูมิเศรษฐศาสตร์มุ่งเน้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจและที่ตั้งของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
ปัญหาเศรษฐกิจมูลฐานเกิดจากทรัพยากรของโลกมีอยู่อย่างจำกัด แต่ความต้องการของมนุษย์มีอยู่อย่างไม่จำกัด
ความรู้พื้นฐานทางเศรษฐศาสตร์
หน่วยทางเศรษฐกิจ หมายถึงหน่วยที่ทำหน้าที่ต่าง ๆ เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจ หน่วยเศรษฐกิจส่วนใหญ่ประกอบด้วย 3 หน่วยใหญ่ คือ
ครัวเรือน ( Household ) หมายถึง หน่วยเศรษฐกิจที่ประกอบด้วยบุคคลหนึ่งคนตั้งแต่หนึ่งคนขึ้นไปที่อาศัยอยู่ในหลังคาเดียวกันมีการตัดสินใจร่วมกันในการใช้ทรัพยากร เพื่อให้เกิดประโยชน์และสวัสดิภาพแก่กลุ่มของตนมากที่สุด เป้าหมายหลักคือ การแสวงหาความพอใจสูงสุดของสมาชิกแต่ละคนในครัวเรือน
ธุรกิจ ( Business ) หมายถึง บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ทำหน้าที่เอาปัจจัยการผลิตต่าง ๆ มาผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูปและการบริการและนำไปขายแก่ผู้บริโภคในหน่วยงานอื่น ๆ หน่วยธุรกิจประกอบด้วยสมาชิกใหญ่ ๆ 2 กลุ่ม คือ ผู้ผลิต ( Producers ) และ ผู้บริโภค ( Sellers ) เป้าหมายของงานธุรกิจได้แก่ การแสวงหากำไรสูงสุดจากการประกอบการของตน
องค์การรัฐบาล ( Govertment Ageney ) หมายถึง หน่วยงานของรัฐและส่วนราชการต่าง ๆ ที่จัดขึ้นเพื่อการค้าเป็นของรัฐบาล นอกจากนี้ยังได้แก่สถาบันที่รัฐจัดตั้งขึ้น เพื่อประกอบกิจการต่าง ๆ ก็ถือว่าเป็นหน่วยงานในองค์กรรัฐบาล
- เป้าหมาย คือมีหน้าที่สัมพันธ์กับหน่วยงานอื่น ๆในระบบเศรษฐกิจที่สำคัญ คือ
เป็นผู้บริโภคและเจ้าของปัจจัยการผลิต
เรียกเก็บภาษีจากหน่วยครัวเรือนและหน่วยธุรกิจ
ให้ความคุ้มครองป้องกันภยันตรายทางเศรษฐกิจ
ตัดสินข้อพิพาทต่าง ๆ ระหว่างสมาชิกในหน่วยเศรษฐกิจต่าง ๆ
บุคคลที่อยู่ในแต่ละหน่วยเศรษฐกิจจะมีหน้าที่แตกต่างกัน ซึ่งอาจแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ
เป็นผู้บริโภค ( Consumer ) มีหน้าที่เลือกบริโภค เลือกใช้สินค้า หรือ บริการความต้องการหรือความพอใจของตน
เป็นผู้ผลิต ( Producer ) มีหน้าที่นำเอาปัจจัยการผลิตมาใช้ผลิตสินค้าหรือบริการ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
เป็นเจ้าของปัจจัยการผลิต ( Owner of Factor of Production ) มีหน้าที่นำปัจจัยการผลิต ที่ตนมีมาขายให้แก่ผู้ผลิต แล้วนำผลตอบแทนที่ได้รับไปซื้อสินค้าหรือบริการ หรือใช้ปัจจัยการผลิตเองโดยตรง

ระบบเศรษฐกิจในปัจจุบัน
ปัจจุบันมีระบบเศรษฐกิจที่สำคัญอยู่ 3 ระบบ คือ
1. ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม ( Capitalism ) หรือระบบเศรษฐกิจแบบเสรี ระบบเศรษฐกิจแบบตลาด หรือระบบเศรษฐกิจเอกชน มีลักษณะที่สำคัญ ดังนี้คือ
เอกชนมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน มีเสรีภาพในการตัดสินใจว่าจะผลิตอะไร ผลิตอย่างไร ผลิตเพื่อใคร
เอกชนมีสิทธิ์ในสินค้าและบริการที่ผลิตได้โดยรัฐบาลไม่มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องหรือควบคุมกิจกรรมทางเศรษฐกิจใด ๆ
กิจกรรมทางเศรษฐกิจดำเนินไป โดยผ่านกลไกของราคา และมีการแข่งขัน
2. ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม ( Socialism ) ลักษณะสำคัญคือ
รัฐเข้าเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตควบคุมการผลิในอุตสาหกรรมพื้นฐาน
รัฐเป็นผู้ควบคุมและวางแผนการผลิต
เอกชนมีเสรีภาพในการประกอบอาชีพและเลือกใช้สิ่งของใด ๆ ได้และอาจมีทรัพย์สินส่วนตัวหรับธุรกิจขนาดย่อม
ระบบเศรษฐกิจแบบนี้แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม แบบประชาธิปไตย คือระบบเศรษฐกิจที่อาศัยกลไกของระบบเสรีนิยม และรัฐบาลพยายามจัดสวัสดิการต่าง ๆ ให้กับประชาชน
ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม แบบคอมมิวนิสต์ ลักษณะเศรษฐกิจแบบคอมมิวนิสต์ได้แก่
ปัจจัยการผลิตทุกชนิดเป็นของรัฐบาล
เอกชนไม่มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินและปัจจัยการผลิตที่เป็นของรัฐ
เสรีภาพในการเลือกซื้อและบริโภคของประชาชนถูกจำกัดมาก เนื่องจากต้องซื้อสินค้าและบริการจากสิ่งที่รัฐเป็นผู้ผลิต
ผู้บริหารส่วนกลางเป็นผู้วางแผนทั้งหมด ในเรื่องแผนการผลิต โดยอาจอาศัยระบบราคาหรือระบบปันผล
มุ่งที่จะจัดการเพื่อสวัสดิการของประชาชนทั้งประเทศ

3. ระบบเศรษฐกิจแบบผสม ( Mixed Ecomomy ) เป็นระบบเศรษฐกิจที่มีลักษณะผสมผสานกันระหว่างทุนนิยมและแบบสังคมนิยมโดยเลือกเอาส่วนดีของแต่ละมาผสมกัน สำหรับประเทศไทยเป็นระบบเศรษฐกิจแบบผสมที่โน้มเอียงทางทุนนิยม คือ เอกชนมีเสรีในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจมาก รัฐเข้าไปดำเนินการทางเศรษฐกิจที่สำคัญบางอย่างเท่านั้น เช่น ไฟฟ้า น้ำประปา โทรศัพท์ เป็นต้น
ลักษณะของระบบเศรษฐกิจแบบผสม
เอกชนยังมีสิทธิในทรัพย์สินของตนและเสารีภาพในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
การดำเนินการส่วนใหญ่ยังเป็นเอกชน
กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงอาศัยกลไกราคาและการแข่งขัน แต่รัฐอาจเข้าแทรกแซงในบางเรื่อง เพื่อความเป็นธรรมแก่ผู้ผลิตและผู้บริโภค